พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ กับการเสียภาษีที่ต้องรู้

เมษายน 22, 2025

ในปัจจุบัน เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ หนึ่งในอาชีพที่หลายคนเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการหารายได้เสริมหรือแม้กระทั่งเป็นอาชีพหลัก คงหนีไม่พ้นอาชีพยอดฮิตอย่างพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ ด้วยความสะดวกในการเริ่มต้นธุรกิจ ไม่ต้องมีหน้าร้าน และสามารถขายให้กับลูกค้าได้ทั้งในและต่างประเทศผ่านแฟลตฟอร์ม e-commerce และโซเชียลมีเดียต่าง ๆ 

แต่เมื่อเข้ามาในวงการนี้ พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ทุกท่าน จำเป็นต้องเข้าใจเรื่องของภาษีให้ดี หลายคนอาจสงสัยว่าขายของออนไลน์ต้องเสียภาษีหรือไม่ เสียเท่าไหร่ และรายได้เท่าไหร่ถึงต้องยื่นภาษี การรู้เท่าทันเรื่องภาษีจะช่วยให้พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์สามารถวางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระค่าใช้จ่าย และดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงในระยะยาว ในบทความนี้เราจะไปหาคำตอบกัน !

 

พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ ต้องเสียภาษีอะไร ?

พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ ที่มีรายได้จากการขายอะไรก็ตามบน e-commerce หรือโซเชียลมีเดีย จำเป็นต้องยื่นเสียภาษี โดยถูกจัดให้เป็นเงินได้ตามมาตรา 40(8) โดยหากผู้ขายมีรายได้จากการขายเกินเกณฑ์ที่กำหนด ผู้ประกอบการยังต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพิ่มเติมด้วย

 

เมื่อไหร่ที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 

หากพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ มีรายได้จากการขายสินค้าเกินกว่า 1,800,000 บาทต่อปี จะต้องไปยื่นจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภายใน 30 วัน โดยสามารถทำได้ที่สำนักงานสรรพากรหรือยื่นผ่านอินเทอร์เน็ต และต้องมีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) ทุกเดือนภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

โดยเมื่อมีการยื่นจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไปแล้ว จำเป็นต้องยื่นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ในปีต่อไปรายได้จะไม่ถึง 1,800,000 บาทต่อปีก็ตาม โดยการยื่นออกจาก VAT จะต้องมีรายได้ไม่ถึง 1,800,000 บาทต่อปี ติดต่อกันเกิน 3 ปี หรือ เลิกกิจการเท่านั้น

จะเห็นได้ว่า VAT ส่งผลต่อการขายและราคาขายสินค้าของพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์โดยตรง ดังนั้นจึงควรวางแผนในการตั้งราคาขายสินค้าให้ครอบคลุม VAT ตั้งแต่แรกเพื่อไม่ให้มีการเพิ่มขึ้นของราคาในภายหลัง

 

การรับเงินผ่าน e-Payment ต้องเสียภาษีหรือไม่?

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันการใช้ e-payment เป็นช่องทางการชำระเงินถือว่าสะดวกสบายเป็นอย่างมาก โดยหากบัญชีของพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์เข้าข่ายกลุ่ม “ธุรกรรมลักษณะเฉพาะ” คือ

  • จำนวนเงินโอนเข้าบัญชีตั้งแต่ 3,000 ครั้งขึ้นไป โดยไม่กำหนดยอดรวมธุรกรรมเงินโอนเข้าบัญชี หรือ
  • จำนวนเงินโอนเข้าบัญชีตั้งแต่ 400 ครั้งขึ้นไป โดยยอดรวมธุรกรรมเงินโอนเข้าบัญชีตั้งแต่ 2,000,000 บาทขึ้นไป

โดยจะเป็นยอดรวมกันทุกบัญชีใน 1 ปีตั้งแต่ 1 มกราคมจนถึง 31 ธันวาคม หากเข้าข่ายข้อใดข้อหนึ่ง ธนาคารต้องส่งข้อมูลให้กับสรรพากร ผู้ที่เข้าข่ายจะต้องเสียภาษีตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้คือ การจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้เรียบร้อย เก็บเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ และยื่นแสดงรายการภาษีให้ครบถ้วน ถูกต้อง

 

พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ต้องยื่นภาษีเมื่อไหร่ ?

สำหรับพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ที่มีรายได้เกิน 60,000 บาทต่อปี (โสด) หรือเกิน 120,000 บาท (สมรส) ต้องยื่นภาษี 2 รอบ ดังนี้

  • ยื่นภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด. 94) โดยนำรายได้จาก 1 ม.ค. – 30 มิ.ย. มายื่นภายในวันที่ 1 ก.ค. – 30 ก.ย. ของปีเดียวกัน เพื่อแบ่งเบาภาระการเสียภาษี
  • ยื่นภาษีปลายปี (ภ.ง.ด. 90) โดยนำรายได้ทั้งปีมายื่นภายในวันที่ 1 ม.ค. – 31 มี.ค. ของปีถัดไป

หากรายได้จากการขายออนไลน์เกิน 1,800,000 บาท ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.01) ภายใน 30 วันจากวันที่มีรายรับเกิน และยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) ทุกเดือนจนกว่าจะครบปี

 

สรุป

การขายของออนไลน์เป็นอาชีพใหม่ที่หลายคนอาจยังสับสนเกี่ยวกับการยื่นภาษีอย่างถูกต้อง ถึงแม้การยื่นภาษีสำหรับการขายของออนไลน์อาจมีหลายขั้นตอน แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไปสำหรับพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์อย่างแน่นอน หากท่านใดมีข้อสงสัย ต้องการสอบถาม หรืออยากวางแผนการเสียภาษีสำหรับการขายของออนไลน์ บริษัท 4inone มีบริการให้คำแนะนำในการเสียภาษีอย่างถูกต้อง รวมถึงช่วยวางแผนภาษีสำหรับปีต่อ ๆ ไป สนใจติดต่อ @792fmzfs (มี@) หรือ โทร 085-218-3773